top of page
พลโท ชัยยุทธ   พร้อมสุข
ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

I'm a paragraph. Click here to add your own text and edit me. I’m a great place for you to tell a story and let your users know a little more about you.​

สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท.

ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕

 

 

             สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ครั้งที่      ๒/๒๕๕๕ ใน ๒๖ ก.ย.๕๕  เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ชั้น ๒ อาคาร ศปก.ทบ.(เดิม) ใน กอ.รมน. สวนรื่นฤดี โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการ เป็นประธานการประชุม สรุปสาระสำคัญการประชุมได้ ดังนี้

 

           ๑.  เรื่องที่คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ ได้แก่
               ๑.๑  อนุมัติร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค ๑ – ๔ และคณะอนุกรรมการจังหวัดในแต่พื้นที่ของ กอ.รมน.ภาค ๑ – ๔ (เฉพาะจังหวัดที่มี ผรท.มีภูมิลำเนาอยู่จำนวนมาก จำนวน ๔๔ จังหวัด)
               ๑.๒  อนุมัติหลักการให้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาของคณะอนุกรรมการ กอ.รมน.ภาค ๑ – ๔ โดยแต่งตั้งจากกลุ่ม ผรท. และ/หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ เพื่อให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
               ๑.๓  กำหนดคุณสมบัตฺของ ผรท. ที่เข้าข่ายสมควรได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ
                     ๑.๓.๑     ต้องเป็นบุคคลที่เกิดในปี พ.ศ.๒๕๐๙ หรือก่อนนั้น
                     ๑.๓.๒     ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย     
และ/หรือ ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือด้านการจัดที่ดินจากทางราชการมาก่อน
                     ๑.๓.๓     ต้องเป็นผู้ที่มีฐานะยากจน โดยคณะกรรมการของทางราชการได้สอบสวนแล้วว่าเป็นผู้มีรายได้ไม่เกินปีละ ๖๐,๐๐๐ บาท (หกหมื่นบาทถ้วน)
                     ๑.๓.๔     ต้องเป็นผู้มีความประพฤติดี โดยผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนายอำเภอท้องที่ รับรอง
                     ๑.๓.๕     ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรืออยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีดังกล่าว
                     ๑.๓.๖     เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมในโครงการการุณยเทพ ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของ
หน่วยงานฝ่ายทหารที่รับผิดชอบ ให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยนั้นอยู่ในเกณฑ์  ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ
                     ๑.๓.๗     ในกรณีเป็นผู้ไม่ผ่านการอบรมในโครงการการุณยเทพ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อพิจารณา คัดกรองอย่างชัดเจนและเป็นธรรม  โดยผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพิจารณา  ต้องเป็นอดีตกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)  หรืออดีตกองกำลังติดอาวุธที่เข้ามอบตัวต่อทางราชการและมีหลักฐานการมอบตัวต่อทางราชการ
                     ๑.๓.๘     ผู้ที่เคยเป็นสมาชิก แนวร่วม  หรือ ผู้ให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) และอดีตกองกำลังติดอาวุธที่ถูกจับกุม ไม่ถือว่าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และไม่อยู่ในข่ายได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ
                 ๑.๔ เงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือ
                      ๑.๔.๑     ให้ความช่วยเหลือเป็นรายครอบครัว หากเป็นสามีภรรยากัน ให้พิจารณาช่วยเหลือเพียงรายเดียว
                      ๑.๔.๒     กรณีที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยผู้นั้น ได้ผ่านการตรวจสอบและพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ หากผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยผู้มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์นั้นเสียชีวิต ก็ให้ประโยชน์นั้นตกทอดไปยังทายาทโดยธรรม
                      ๑.๔.๓     ผู้มีฐานะดี ผู้ที่เป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทห้างร้าน หรือผู้ที่มีเงินเดือนประจำ ให้งดการให้ความช่วยเหลือ
                 ๑.๕ ส่วนการปฏิบัติต่อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กลุ่ม ๒,๓,๔  คณะกรรมการจะพิจารณากำหนดคุณสมบัติและแนวทางการให้ความช่วยเหลือต่อไป     
             ๒.    เรื่องสั่งการและข้อห่วงใยของรองนายกรัฐมนตรี
                   ๒.๑  เจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้เข้ามารับผิดชอบ      การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. คือ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพทั่วถึงทุกกลุ่ม ด้วยความถูกต้องเป็นธรรม นำไปสู่การยุติปัญหา ผรท. ลงอย่างสิ้นเชิง
                   ๒.๒  ให้คณะกรรมการต้องกระชับการทำงาน ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ถูกต้องโปร่งใสและเป็นธรรม โดยทั่วถึงทุกกลุ่ม และให้อยู่ภายในห้วงที่เหมาะสม
                   ๒.๓  ให้คณะอนุกรรมการ กอ.รมน.ภาค และคณะอนุกรรมการจังหวัด ปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบและที่มีอยู่ และดำเนินการต่อผู้แอบอ้างต่าง ๆ อย่างชัดเจนตั้งแต่ระดับพื้นที่ โดยรวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดและแจ้งความดำเนินคดี รวมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ควบคู่กันไป
                   ๒.๔  ให้คณะอนุกรรมการ กอ.รมน.ภาค และคณะอนุกรรมการจังหวัด ซึ่ง ผอ.รมน.ภาค และ ผอ.รมน.จังหวัด เป็นประธานอนุกรรมการ เตรียมงานและเริ่มงานตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จโดยไม่ชักช้า
                   ๒.๕  ในการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา ขอให้พิจารณา ตรวจสอบ ผู้ที่มีความเหมาะสมจริง ๆ สามารถนำผลการปรึกษาหารือไปถ่ายทอดให้ ผรท. รับทราบได้ และขอให้มีการปฐมนิเทศน์คณะที่ปรึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจในเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านเอาใจใสในเรื่องนี้มาก
             ต่อมา พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิปะภา รองนายกรัฐมนตรี/ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ได้แต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายที่ปรึกษาคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามคำสั่งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่ ๖/๒๕๕๕ ลง ๒๕ ต.ค.๕๕ โดยมีองค์ประกอบคณะทำงานจำนวน ๑๐ ท่าน
             เมื่อวันที่  ๑๖  ต.ค.๕๕ พลเอก ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการ กรุณาให้นโยบายกับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลเอก จงศักดิ์  พานิชกุล), รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจตรี ธวัช  บุญเฟื่อง), ผอ.ศปป.๔ กอรมน. (พล.ต.คณิต  อุทิตสาร) และคณะดังนี้
- ไม่ต้องการให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองกลุ่มใด
- พยายามดูแลให้ดีที่สุด รัฐบาลห่วงใย, ให้ช่วย
- ไม่ให้มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเข้ามาชุมนุมใน กทม.
- ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด, แม่ทัพภาค หยุดในระดับจังหวัด
- ปฏิบัติตามระเบียบเพราะเป็นเงินภาษีประชาชน
             เมื่อวันที่ ๑๗ ต.ค.๕๕ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลเอก จงศักดิ์  พานิชกุล) ได้เชิญรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจตรี ธวัช  บุญเฟื่อง) ร่วมหารือกับ ผอ.ศปป.๔ กอรมน.    (พล.ต.คณิต  อุทิตสาร) เพื่อทำความเข้าใจกรอบแนวทางการจัดทำประกาศ หรือแถลงการณ์ หรือการเจรจาเรื่อง การให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย สรุปสาระสำคัญ คือ
  • การจะออกประกาศ หรือแถลงการณ์ใด ๆ ต้องเป็นไปตามมติคณะกรรมการ
  • รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือ ผรท.
  • ให้ช่วยเหลือ ผรท. ที่ตกหล่น ตามพันธสัญญาที่รัฐบาลก่อนทำไว้
  • การช่วยเหลือต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและกฎระเบียบที่เข็มงวดเพราะเป็นภาษีประชาชน
  • นอกเหนือจาก ผรท.ที่ตกหล่นข้างต้นแล้ว ถ้ามีบุคคลอื่นได้รับผลจากคำสั่ง ๖๖/๒๓ ให้อนุกรรมการแต่ละส่วนรวบรวมจำนวน พร้อมเหตุผลเพื่อให้คณะกรรมการ พิจารณาแนวทางช่วยเหลือและนำเข้า ครม. ต่อไป
  • คณะกรรมการและอนุกรรมการสามารถตั้งคณะที่ปรึกษาจาก ผรท. หรือผู้ทรงคุณวุฒิได้
                   การดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. ของคณะอนุกรรมการฝ่ายเลขานุการ โดยมี ผอ.ศปป.๔ กอ.รมน. (พล.ต.คณิต  อุทิตสาร) เป็นประธานกรรมการได้ดำเนินการประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายเลขานุการครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้แก่การรวบรวมรายชื่อ ผรท. กลุ่มต่าง ๆ แนวทางการให้ความช่วยเหลือ ผรท. ที่เหมาะสมเสนอต่อคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยต่อไป  และ ศปป.๔ กอ.รมน. จะกำหนดการประชุมหารือ กอ.รมน.ภาค     ๑ – ๔ ในวันที่ ๘ พ.ย.๕๕ เวลา ๑๓.๓๐ น. เพื่อแถลงความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานของ กอ.รมน.ภาคและประสานความเข้าใจ และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. ที่เหมาะสมเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕
 

ข้อเท็จจริง และข้อพิจารณา

            ๑.  การดำเนินการของคณะกรรมการที่ผ่านมาเป็นไปตามขั้นตอนของการพิจารณาที่จะต้องมีความละเอียด รอบคอบ ได้ข้อมูลจากทุกภาคส่วน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกฏหมายและการใช้งบประมาณแผ่นดิน
            ๒.  ในทางตรงข้ามผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยก็ต้องการความรวดเร็วเพราะต้องการผลประโยชน์ตามข้อเรียกร้องที่แต่ละกลุ่มต้องการ จึงกดดันการทำงานของคณะกรรมการ เช่น นัดรวมตัวชุมนุมประท้วงเป็นการสร้างความกังวลให้ผู้บังคับบัญชา และผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของรัฐบาลได้
            ๓.  ตามกรอบแนวทางที่กำหนดร่วมกันในข้อ ๒.๑ สรุปว่าให้ช่วยผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามลำดับความเร่งด่วน โดยแยกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
 
กลุ่มแรก คือกลุ่มที่ผ่านการอุทธรณ์มาแล้วจากรัฐบาลชุดก่อนว่าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย  ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือแต่ยังตกค้างอยู่ จำนวน ๑,๐๘๖ คน โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมทั้งคุณสมบัติและแนวทางช่วยเหลือเป็นเงิน ๒๒๕,๐๐๐.- บาทต่อคน  
 
กลุ่มที่ ๒ คือกลุ่มผู้เรียกร้องที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด   ให้คณะอนุกรรมการจังหวัดและภาค รวบรวมจำนวนพร้อมเหตุผล เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางช่วยเหลือ และนำเข้าคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งกลุ่มนี้สามารถตั้งผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เป็นกรรมการที่ปรึกษาของอนุกรรมการระดับจังหวัดและภาคได้
 
             ๔.  วิธีการที่น่าจะหาทางคลี่คลายปัญหาและยอมรับได้ของทั้งฝ่ายการเมืองและผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย คือตัวแทนฝ่ายการเมืองที่ตกลงใจได้, แกนนำผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่เป็นที่ยอมรับของสมาชิกของทุกภาค, ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค  และผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ ๔ หารือกันแบบไม่เป็นทางการให้ได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ก่อน จึงนำผลการหารือนั้นเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเป็นมติที่จะนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
bottom of page